ARTICLE 'Golden Cross' ของโกลบอล อะโทมี่
'Golden Cross' ของโกลบอล อะโทมี่
2021.01.06
Next Economy
ยอดขายต่างประเทศทะลุ 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท)... แซงหน้ายอดขายในประเทศเกาหลี
แม้ในภาวะวิกฤติโคโรน่า-19 ที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ทั่วโลกต้องหยุดชะงัก แต่การเติบโตของอะโทมี่ในฐานะธุรกิจโกลบอลไม่ได้หยุดตาม
แต่กลับเร่งความเร็วขึ้นไปอีก โดยในปี 2021 พบว่ายอดขายต่างประเทศแซงหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีไปแล้ว และคาดการณ์ว่า
ยอดขายต่างประเทศจะทำมูลค่า 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) นำหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านวอน
(30,000 ล้านบาท) ไปได้ นี่เป็นครั้งแรกที่อะโทมี่สร้างยอดขายสูงถึง 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 43.25%
ในปี 2020 อะโทมี่สร้างมูลค่ายอดขายได้ 8.5 แสนล้านวอน (25,500 ล้านบาท) ด้วยเหตุนี้เมื่อรวมยอดขายในประเทศเกาหลีและ
ยอดขายของโกลบอล คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างยอดขายรวมได้มากถึง 2.2 ล้านล้านวอน (66,000 ล้านบาท) ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของ
โกลบอลอะโทมี่นี้คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอีกเช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะการเตรียมการล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด
การรวมกันระหว่างระบบออนไลน์และระบบสู่ความสำเร็จของอะโทมี่ที่เข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงคุณค่าของ "Absoute Quality,
Absolute Price" ของอะโทมี่ที่สร้างความประทับใจให้กับกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศ
ในปี 2021 ยอดขายต่างประเทศของอะโทมี่มีมูลค่า 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) แซงหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีที่มีมูลค่า
1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่อะโทมี่สร้างยอดขายต่างประเทศนำหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีได้ และเป็นปีแรก
ที่อะโทมี่ทำสถิติของการสร้างยอดขายมากกว่า 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท)
ในบรรดา 22 สาขาต่างประเทศของอะโทมี่ มี 17 สาขาที่กำลังผลงานยอดขายในปัจจุบัน ซึ่งในปี 2020 นั้น แต่ละสาขาอาจจะมีกราฟการเติบโต
ที่แตกต่างกัน แต่ 16 สาขา ยกเว้นสาขาประเทศญี่ปุ่นต่างก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากมองแค่ 17 สาขาที่สร้างยอดขายต่างประเทศได้ถึง
1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกับปี 2020 มีเปอร์เซนต์การเติบโตสูงขึ้นถึง 42.65% นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า
อะโทมี่ได้ก้าวสู่การเป็นธุรกิจโกลบอลได้อย่างสมคำร่ำลือ
การที่สาขาต่างประเทศสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) นั้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอะโทมี่อย่างเป็นนัยๆ
ว่า แม้ในสถานการณ์วิกฤติโรคระบาด อะโทมี่ก็สามารถเปิดสาขาต่างประเทศได้และยังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สามารถยืดอกได้อย่างภาคภูมิในวงการ
ธุรกิจขายตรงโกลบอล อย่างแอมเวย์ นูสกิน เฮอร์เบิลไลฟ์ และอื่นๆ ในระยะเวลาเพียง 12 ปี สิ่งที่ท่านประธานปาร์ค ฮันกิลได้กล่าวไว้ตั้งแต่
เริ่มก่อตั้งบริษัทว่า " อะโทมี่จะเป็นธุรกิจที่มียอดขายต่างประเทศมากกว่ายอดขายในประเทศเกาหลีถึง 10 เท่า " ซึ่งความแน่วแน่ของ
ท่านประธานกำลังกลายเป็นความจริง
สหรัฐอเมริกาทะลุเป้า 1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท)... ไต้หวันมียอดขายสะสมเกือบ 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท)
หากลองวิเคราะห์จากยอดขายต่างประเทศของปี 2021 ที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วนั้น การเติบโตของทุกสาขาต่างประเทศสูงขึ้นจนเป็น
ที่สะดุดตา โดยยอดขายไม่ได้ถูกผลักดันจากบางสาขาเท่านั้น แต่ทุกสาขาต่างก็เติบโตกันถ้วนหน้า จนสามารถดึงยอดขายต่างประเทศได้
สูงขึ้นถึง 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ด้วยเหตุนี้จึงสามารถคาดการณ์ได้ถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสาขาที่เปิดทำการเแล้ว
สามารถรักษาสถานภาพการเติบโตไว้ได้อย่างดี และโฟกัสกับการเติบโตของยอดขายได้อย่างมั่นคง
สาขาที่ตีตลาดนำหน้าไปก่อนอย่างสหรัฐอเมริกา ปีที่แล้วสร้างยอดขายมูลค่า 8.33 หมื่นล้านวอน (2.5 พันล้านบาท) ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ที่สร้างยอดขายได้ 1.123 แสนล้านวอน (3.369 พันล้านบาท) เมื่อเทียบกับยอดขายของปีที่ผ่านมา มีเปอร์เซ็นต์การเติบโตสูงขึ้นถึง 27% ช่วงที่
อะโทมี่ไปเปิดสาขาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2010 นั้น อะโทมี่ได้ลบมุมมองไม่ดีเกี่ยวกับการเปิดสาขาในสหรัฐอเมริกาออกไปและผลงาน
ยอดขายที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของธุรกิจขายตรง ก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอะโทมี่ ซึ่งกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญ
กับลูกค้าโดยเฉพาะของอะโทมี่ก็ได้สร้างผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ที่พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า อะโทมี่สามารถเอาชนะใจลูกค้าได้ แม้กระทั่งในประเทศ
สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของธุรกิจขายตรง
สาขาไต้หวันสร้างยอดขายปี 2020 ด้วยมูลค่า 1.892 แสนล้านวอน (5.676 พันล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่สร้างยอดขายได้
1.839 แสนล้านวอน (5.517 พันล้านบาท) มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 3% ในสถานการณ์วิกฤติโรคระบาดนี้ อะโทมี่ไต้หวันยังคงเติบโตทั้งใน
ออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะผลงาน GSGS ที่ได้รับโอนโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย PTFE เมมเบรนที่เด่นชัดเป็นพิเศษ
แนวโน้มในปัจจุบันของสาขาไต้หวันคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายสะสมทะลุ 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ภายในครึ่งปีแรกของปี 2022
สาขาไต้หวันที่เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2014เป็นสาขาแรกที่สามารถก้าวข้ามยอดขาย 1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท) ได้สำเร็จในปี 2017
สาขาแคนาดามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมามากกว่า 50% โดยมีสถิติยอดขายเพิ่มจาก 1.69 หมื่นล้านวอน (507 ล้านบาท)
ในปี 2020ขึ้นเป็น 2.53 หมื่นล้านวอน (759 ล้านบาท) ซึ่งมีอัตราการเติบโตของยอดขายสูงถึง 50% ทั้งนี้ อะโทมี่ แคนาดาเคยสร้างยอดขาย
มูลค่า 1 หมื่นล้านวอน (300 ล้านบาท) ในปี 2019 เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลาเพียง
2 ปี จุดนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ของสาขาแคนาดาได้เป็นอย่างดี
มาเลเซียเข้า 1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท) คลับ... ผลงานของเอเชียอาคเนย์และเม็กซิโก “ดีมาก”
การเติบโตของสาขามาเลเซียที่เปิดสาขาในปี 2016 ก็สะดุดตาไม่แพ้กัน ในปี 2021 สาขามาเลเซียและสาขาอเมริกาได้ร่วมกันเข้า
1 แสนล้านวอนคลับ (3,000 ล้านบาท) โดยสาขามาเลเซียได้ทำสถิติยอดขายจากมูลค่า 93.7 พันล้านวอน (2,811 ล้านบาท) ในปี 2020
ขึ้นเป็น 1.601 แสนล้านวอน (4,803 ล้านบาท) ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 71%
ตั้งแต่เปิดสาขาจนถึงปีที่แล้ว อะโทมี่ มาเลเซียมีเปอร์เซ็นต์การเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 120% หากดูจากแนวโน้มการเติบโตนี้แล้ว
การสร้างยอดขายปี 2022 ให้ถึง 2 แสนล้านวอน (6,000 ล้านบาท) ตามประเทศจีนไป ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
นอกจากนี้ ผลการประเมินทางด้านความเป็นไปได้ของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การรับรู้ต่อแบรนด์ อัตราส่วนในการครองตลาดแล้ว
อะโทมี่ มาเลเซียได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ธุรกิจระดับกลางที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศมาเลเซีย ซึ่งสถานภาพของอะโทมี่ในประเทศ
มาเลเซียกำลังสูงขึ้นทุกวัน นอกจากนี้ สาขาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สาขาอื่น ก็ไม่ได้หยุดการเติบโตในสถานการณ์วิกฤติ
โรคระบาดนี้เช่นกัน
สาขาสิงคโปร์สร้างยอดขาย 4.66 หมื่นล้านวอน (1,398 ล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 16% จาก 4.01 หมื่นล้านวอน
(1,203 ล้านบาท) ในปี 2020 หลังจากสาขาสิงคโปร์ เปิดสาขาในปี 2015 ก็สามารถครองตลาดขายตรงในสิงคโปร์ได้ถึง 10% ภายในระยะ
เวลา 6 ปี ซึ่งผู้จัดการสาขา คุณลี ฮยอนจู ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า “ในปี 2022 จะสร้างยอดขายมากกว่า 5 หมื่นล้านวอน (1,500 ล้านบาท) และ
เราจะไม่ยึดติดกับขนาดของตลาด แต่จะสร้างตลาดใหม่และเติบโตต่อไป”
สาขากัมพูชาสร้างยอดขาย 1.14 หมื่นล้านวอน (342 ล้านบาท) ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 2020 ที่มียอดขายมูลค่า
9.9 พันล้านวอน (297 ล้านบาท) สาขาฟิลิปปินส์สร้างยอดขาย 9.1 พันล้านวอน (273 ล้านบาท) เติบโตขึ้น 32% จากยอดขายในปี 2020
ที่มียอดขาย 6.9 พันล้านวอน (207 ล้านบาท) รวมถึงสาขาประเทศไทยที่สร้างยอดขายในปี 2020 ได้ 1.05 หมื่นล้านวอน (315 ล้านบาท)
และเติบโตอย่างต่อเนื่อง 9% สูงขึ้นเป็น 1.14 หมื่นล้านวอน (342 ล้านบาท) สาขาเม็กซิโกที่เปิดสาขาในปี 2017 ก็ได้สร้างยอดขายมูลค่า
1.19 หมื่นล้านวอน (357 ล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตเท่ากับ 39% ซึ่งสูงขึ้นจาก 8.5 พันล้านวอน (255 ล้านบาท) ในปี 2020
สาขาที่เปิดในภายหลัง เติบโตอย่างกว้างขวาง... จุดศูนย์กลางที่ ‘อินโดนีเซีย รัสเซีย จีน’
สาขาที่เปิดตัวภายหลังปี 2018 มีการเติบโตขึ้นอย่างน่าตกใจ แม้ว่าทั่วโลกจะประสบกับวิกฤติการณ์โรคระบาด แต่การย่างก้าวอย่างกว้างใหญ่
ของอะโทมี่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเติบโตอย่างน่าตกใจของสาขาน้องใหม่เหล่านี้คาดการณ์ว่า จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับ
โกลบอลอะโทมี่ที่กำลังขยายตัวอยู่ ซึ่งสาขาน้องใหม่ที่กำลังสร้างความเติบโตนี้ ได้แก่ อินโดนีเซีย รัสเซีย และจีน
ลำดับแรก สาขาอินโดนีเซียสร้างการเติบโตของยอดขายอย่างชัดเจนในทุกๆ ปี และสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องจากมูลค่ายอดขาย
8.6 พันล้านวอน (258 ล้านบาท) ในปี 2019 เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 1.67 หมื่นล้านวอน (501 ล้านบาท) ในปี 2020 เพิ่มขึ้นจากปีผ่านมาถึง
94% และในปี 2021 คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นถึง 136% ด้วยยอดขาย 3.95 หมื่นล้านวอน (1,185 ล้านบาท) โดยสาขาอินโดนีเซียได้ระงับ
ไม่ให้พนักงานเข้าทำงานในบริษัทช่วงการแพร่ระบาดหนักของวิกฤติโคโรน่า-19 ใช้พนักงานในจำนวนน้อยที่สุดในการจัดการงานบริการลูกค้า
และการจัดส่งให้ดำเนินไปได้ตามปกติ และในทุกๆ เดือนยังมีการจัดงานซัคเซส อะคาเดมี่ รวมทั้งงานสัมมนาออนไลน์ทั้งหมด 5 ครั้ง และ
จัดการประชุมซูมสำหรับหัวหน้าศูนย์ฯ เดือนละ 4 ครั้ง ด้วยความพยายามเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นนี้ ได้สร้างผลลัพธ์ให้กับ
สาขาอินโดนีเซียได้อย่างงดงาม
นอกจากสาขาอินโดนีเซียแล้ว ยังมีอีกสาขาที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าตกใจ นั่นก็คือสาขารัสเซีย สาขารัสเซียเปิดตัวขึ้นในปี 2018
ซึ่งในปีนั้นก็สามารถสร้างยอดขายได้ 1.34 ร้อยล้านวอน (4.02 ล้านบาท) และในปีถัดไป 2019 ได้เติบโตขึ้นถึง 740% สร้างยอดขายมูลค่า
9.9 พันล้านวอน (297 ล้านบาท) เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านี้ ในปี 2020 สาขารัสเซียก็ได้สร้างยอดขายมูลค่า
3.86 หมื่นล้านวอน (1,158 ล้านบาท) ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 288% และในปี 2021 การเติบโตของสาขารัสเซียก็ยังคงดำเนินไป
อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ในปี 2021 สาขารัสเซียคาดการณ์ว่าจะสร้างยอดขายได้ 7.46 หมื่นล้านวอน (2,238 ล้านบาท) ซึ่งจะเติบโตแบบ
ก้าวกระโดดกว่าปีก่อนหน้าถึง 93% จากแนวโน้มดังกล่าว ถือได้ว่าสาขารัสเซียจะเป็นสาขาต่างประเทศสาขาที่ 5 ที่สามารถทำเป้าทะลุ
1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท) ได้อย่างแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าสาขาเอเชียกลางและยุโรปตะวันออกที่กำลังจะ
เปิดตลาดในไม่ช้านี้จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดของสาขารัสเซียไม่น้อยเลย และสาขาจีนที่เปิดตัวไป
เมื่อปีที่ผ่านมา ก็สร้างยอดขายมูลค่า 4.424 แสนล้านวอน (13,272 ล้านบาท)ในปีนี้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเป็น 151% จากปีที่แล้วที่
สร้างยอดขายได้ 1.76 หมื่นล้านวอน (528 ล้านบาท) รวมถึงสาขาออสเตรเลียก็เช่นกัน คาดการณ์ว่าปีนี้จะสร้างยอดขายได้ 1.23 หมื่นล้านวอน
(369 ล้านบาท) เพิ่มจากยอดขาย 9.9 พันล้านวอน (297 ล้านบาท) ของปีที่แล้ว ด้วยอัตราการเติบโตที่ 25% นอกจากนี้สาขาที่เปิดตัว
อย่างเป็นทางการในปี 2020 อย่างอินเดีย โคลอมเบีย และฮ่องกง ต่างก็มีการเติบโตอย่างกว้างขวางด้วยอัตราการเติบโต 163%, 375%
และ 231% ตามลำดับ
‘อะโทมี จีน’ คุณค่าของการอยู่ร่วมการแทรกซึมในตลาดขนาดมหึมา
ประเทศที่ขาดไม่ได้สำหรับการขยายสาขาโกลบอลอะโทมี่ นั่นก็คือประเทศจีน โดยสาขาจีนเปิดทำการได้เพียงปีเดียว ก็สร้างยอดขายร่วม
4.424 แสนล้านวอน (13,272 ล้านบาท) ซึ่งครองยอดขายต่างประเทศไปมากกว่า 1/3 และเติบโตจากปีที่แล้วถึง 151% แม้สาขาจีนจะ
เปิดตัวท่ามกลางสถานการณ์โคโรน่าอันเลวร้าย แต่อะโทมี่จีนก็สามารถก้าวผ่านขั้นตอนในการสร้างความมั่นคงได้ภายใน 1 ปี และตอนนี้
กำลังปูรากฐานสู่การเติบโตในขั้นต่อไป
ปัจจุบัน สาขาจีนได้ก้าวเข้าสู่ตลาดอย่างราบรื่นและรวดเร็วด้วยการกระจายธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมในประเทศ จากการวิเคราะห์
ตลาดอย่างละเอียดถี่ถ้วนของสาขา อะโทมี่นั้น ตั้งแต่ปี 2017 ได้สร้างนิคมอุตสาหกรรมอะโทมี่จีน ที่มณฑลซานตง ประเทศจีน เตรียมพร้อม
สู่การปูรากฐานเพื่อบุกเข้าสู่ตลาดจีนอย่างเต็มตัว ด้วยกลยุทธ์ Localization นี้ ทำให้สาขาจีนสามารถลดค่าโลจิสติกส์ ค่าดำเนินการ และ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนสามารถทำให้กลยุทธ์ "Absoute Quality, Absolute Price" เป็นจริงได้ และนอกจากนี้ ยังได้สร้างแพลตฟอร์มใน
การค้าขายทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศที่สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลจีนอีกด้วย
ด้วยกระบวนการเหล่านี้ อะโทมี่จึงสามารถส่งต่อสินค้าที่หลากหลาย อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง อาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน
เสื้อผ้า เครื่องใช้ภายในบ้านที่มีคุณภาพพรีเมียม ในราคาที่ประหยัดให้กับผู้บริโภคชาวจีนได้ และยังทำให้กลยุทธ์ GSGS สำเร็จเป็นจริง
ตามเทรนด์ปัจจุบันของประเทศจีนอีกด้วย โดยสาขาจีนได้เปิดตัวสินค้า GSGS หลายสิบรายการที่เข้ากับรสนิยม และวัฒนธรรมของชาวจีน
และสร้างยอดขายได้มากกว่า 1/10 ของยอดขายทั้งหมดอีกด้วย
รวมถึงกิจกรรมแบ่งปันสู่สังคมที่หลากหลายและสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคชาวจีน อะโทมี่ ธุรกิจที่ยึดมั่นในจิตวิญญาณ โดยแสวงหา
คุณค่าของการดำรงอยู่ร่วมกัน ได้รับความน่าเชื่อถือจากเหล่าผู้บริโภคชาวจีน ตัวอย่างกิจกรรมหลักๆ ได้แก่ การบริจาคสิ่งของบรรเทาทุกข์
จากอุทกภัย, โครงการการศึกษาเพื่อการกุศล, การเพาะปลูกสวัสดิการสาธารณะเพื่อป้องกันลม, กิจกรรมสนับสนุนเด็กพิการ เป็นต้น
ด้วยความพยายามของสาขาจีน ส่งผลให้อะโทมี่ได้รับเลือกให้เป็น ‘แบรนด์สินค้าที่ผู้บริโภคนิยม’ ‘แบรนด์โกลบอลช้อปปิ้งออนไลน์
ที่ผู้บริโภคพอใจ’ และอื่นๆ คุณปาร์ค บยองกวาน ผู้จัดการสาขาจีนยังกล่าวอย่างมั่นใจอีกว่า “เราจะเห็นอะโทมี่เติบโตอย่างน่าตกใจในตลาดจีน
ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ได้อย่างแน่นอน”
โกลบอลอะโทมี่ ‘วิ่งฉิวด้วยความเร็วสูง’ อย่างต่อเนื่อง
แม้ในสถานการณ์โคโรน่า-19 ที่ระบาดหนักไปทั่วโลก แต่การบุกตลาดต่างประเทศในปี 2022 ของโกลบอลอะโทมี่คาดว่าไม่ได้ลดความเร็ว
ลงเลย ในครึ่งแรกของปี 2022 อะโทมี่คาดการณ์ว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในตลาด 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศบราซิล ตลาดใหญ่เป็น
อันดับ 6 ของโลก รวมถึงอุซเบกิสถานและมองโกลแห่งเอเชียกลาง และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดสาขาที่มีขนาดใหญ่เป็น
อันดับ 3 ของโลกอย่างประเทศเยอรมนีเช่นกัน หากแนวโน้มที่ว่านี้ ก็ได้ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น และคาดการณ์ว่าภายใน 2-3 ปี
การสร้างยอดขายทะลุ 3 ล้านล้านวอน (90,000 ล้านบาท) ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการสร้างรากฐานให้โกลบอลอะโทมี่
ก้าวกระโดดขึ้นอีกครั้ง การสู้จนถึงที่สุดของอะโทมี่สาขาต่างประเทศ ส่งผลให้ผลงานการส่งออกของอะโทมี่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
อะโทมี่มีผลงานการส่งออกในปี 2021 มูลค่า 3.1997 ร้อยล้านดอลล่าร์ (9.6 พันล้านบาท) จึงทำให้อะโทมี่เป็นธุรกิจขายตรงแรกที่ได้รับรางวัล
ท็อปมูลค่าการส่งออก 300 ล้านดอลล่าร์ (9,000 ล้านบาท) ในวันแห่งการค้าครั้งที่ 58 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา
อะโทมี่ที่ได้รับรางวัลท็อปมูลค่าการส่งออก 5 ล้านดอลล่าร์ (150 ล้านบาท) ในปี 2011 และได้เพิ่มยอดการส่งออกอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ มา
โดยในปี 2013 สร้างยอดการส่งออกมูลค่า 10 ล้านดอลล่าร์ (300 ล้านบาท), ปี 2015 มูลค่า 20 ล้านดอลล่าร์ (600 ล้านบาท), ปี 2016
30 ล้านดอลล่าร์ (900 ล้านบาท), ปี 2017 50 ล้านดอลล่าร์ (1,500 ล้านบาท), ปี 2018 70 ล้านดอลล่าร์ (2,100 ล้านบาท), ปี 2019
100 ล้านดอลล่าร์ (3,000 ล้านบาท) และต่อจากรางวัลท็อปมูลค่าการส่งออก 200 ล้านดอลล่าร์ (6,000 ล้านบาท) ในปีนี้ อะโทมี่ก็ได้ครอง
รางวัลท็อปมูลค่าการส่งออก 300 ล้านดอลล่าร์ (9,000 ล้านบาท) ซึ่งธุรกิจที่ได้รับรางวัลท็อปมูลค่าการส่งออกมากกว่า 300 ล้านดอลล่าร์นั้น
(9,000 ล้านบาท) มีเพียง 22 บริษัทเท่านั้น ประกอบด้วยธุรกิจขนาดใหญ่ 9 แห่ง และธุรกิจขนาดกลางอีก 13 แห่ง
คุณภาพและปรัชญาของอะโทมี่ที่ทั่วโลกยอมรับ
สาเหตุที่สาขาต่างประเทศเติบโตและยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น เป็นเพราะกฎระเบียบในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาจับต้องได้ ที่อะโทมี่
ยังคงรักษาไว้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้สามารถสร้างเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้
นอกจากนี้ สินค้าอะโทมี่ยังได้รับการยอมรับจากงานมอบรางวัลหลากหลายงาน อาทิ อะโทมี่ แอบโซลูท เซลเลคทีฟ สกินแคร์ โทนเนอร์และ
อายครีม ได้รับรางวัลเหรียญเงินในสาขาโทนเนอร์และอายครีมจากงานโกลบอล เมคอัพ อวอร์ด 2021 ที่จัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ และ
แอบโซลูท สกินแคร์ เซ็ตก็ได้รับรางวัลเหรียญทองแดงในสาขาเบสท์ สกินแคร์ แบรนด์ในงานเดียวกันอีกด้วย สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของ
สินค้าอะโทมี่เป็นที่ยอมรับในตลาดบิวตี้ของยุโรปเช่นกัน รวมถึงอะโทมี่ ซีเนอจี แอมพูล และรีแพร์ เซรั่มก็ยังได้รับรางวัลใหญ่ใน
‘งาน CHINA Beauty EXPO’ และ ‘Meiyi Award 2021’ ส่วนเครื่องเพิ่มความชื้นและเครื่องกรองอากาศขนาดกลาง ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ
จาก Red Dot Design Award ซึ่งเป็นนิทรรศการรวมผลงานที่ใหญ่เป็นท็อป 3 ระดับโลก
ปรัชญาการบริหารที่เน้นลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของอะโทมี่ได้ถูกกระจายผ่านสาขาต่างประเทศ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค
ในต่างประเทศ ซึ่งจุดนี้เป็นเหมือนพลังขับเคลื่อนต่อการเติบโตในตลาดโกลบอล วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา อะโทมี่ได้รับการรับรอง
(Consumer Centered Management; CCM) อีกครั้ง ซึ่งเป็นธุรกิจขายตรงเดียวที่ได้รับสัญลักษณ์การบริหารจัดการที่เน้นผู้บริโภคเป็น
ศูนย์กลาง สัญลักษณ์ CCM นี้ให้การรับรองซ้ำในทุกๆ 2 ปี โดยอะโทมี่ตั้งเป้าหมายว่า จะได้รับการรับรองซ้ำอย่างต่อเนื่องถึง 7 ครั้ง และกรณี
ที่ทำสำเร็จ เราก็จะได้เข้าร่วมการประชุมแห่งเกียรติคุณของ CCM ซึ่งตอนนี้ธุรกิจที่ได้เข้าร่วมการประชุมแห่งเกียรติคุณในปี 2021 มีเพียง
10 ธุรกิจเท่านั้น
และธุรกิจขายตรงที่เน้นลูกค้าของอะโทมี่นั้นกำลังสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับธุรกิจขายตรงทั้งในและนอกประเทศ และอะโทมี่ก็อยู่ในแถวหน้านำขบวน
ระบบออนไลน์โดยเฉพาะของอะโทมี่ที่ได้เตรียมการณ์เป็นอย่างดีตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโคโรน่า-19 นั้น ได้ประสานรวมเข้ากับระบบสู่ความสำเร็จ
ออฟไลน์ดั้งเดิม เพื่อปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์หลังเกิดวิกฤติโคโรน่า เกิดเป็นระบบสู่ความสำเร็จที่ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์อย่าง
เหมาะสมที่สุด และนี่คือปัจจัยหลักสำคัญในการครองตลาดโกลบอลอย่างดีเลิศของอะโทมี่นั่นเอง
สิ่งที่ท่านประธานเคยกล่าวไว้ว่า “ธุรกิจที่ยอดขายต่างประเทศมากกว่ายอดขายในประเทศถึง 10 เท่า” สิ่งนี้กำลังใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว
ที่มา: NextEconomy
Next Economy
ยอดขายต่างประเทศทะลุ 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท)... แซงหน้ายอดขายในประเทศเกาหลี
แม้ในภาวะวิกฤติโคโรน่า-19 ที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ทั่วโลกต้องหยุดชะงัก แต่การเติบโตของอะโทมี่ในฐานะธุรกิจโกลบอลไม่ได้หยุดตาม
แต่กลับเร่งความเร็วขึ้นไปอีก โดยในปี 2021 พบว่ายอดขายต่างประเทศแซงหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีไปแล้ว และคาดการณ์ว่า
ยอดขายต่างประเทศจะทำมูลค่า 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) นำหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีที่มีมูลค่า 1 ล้านล้านวอน
(30,000 ล้านบาท) ไปได้ นี่เป็นครั้งแรกที่อะโทมี่สร้างยอดขายสูงถึง 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 43.25%
ในปี 2020 อะโทมี่สร้างมูลค่ายอดขายได้ 8.5 แสนล้านวอน (25,500 ล้านบาท) ด้วยเหตุนี้เมื่อรวมยอดขายในประเทศเกาหลีและ
ยอดขายของโกลบอล คาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างยอดขายรวมได้มากถึง 2.2 ล้านล้านวอน (66,000 ล้านบาท) ซึ่งแนวโน้มการเติบโตของ
โกลบอลอะโทมี่นี้คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไปในอนาคตอีกเช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะการเตรียมการล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโรคระบาด
การรวมกันระหว่างระบบออนไลน์และระบบสู่ความสำเร็จของอะโทมี่ที่เข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงคุณค่าของ "Absoute Quality,
Absolute Price" ของอะโทมี่ที่สร้างความประทับใจให้กับกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศ
ในปี 2021 ยอดขายต่างประเทศของอะโทมี่มีมูลค่า 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) แซงหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีที่มีมูลค่า
1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่อะโทมี่สร้างยอดขายต่างประเทศนำหน้ายอดขายในประเทศเกาหลีได้ และเป็นปีแรก
ที่อะโทมี่ทำสถิติของการสร้างยอดขายมากกว่า 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท)
ในบรรดา 22 สาขาต่างประเทศของอะโทมี่ มี 17 สาขาที่กำลังผลงานยอดขายในปัจจุบัน ซึ่งในปี 2020 นั้น แต่ละสาขาอาจจะมีกราฟการเติบโต
ที่แตกต่างกัน แต่ 16 สาขา ยกเว้นสาขาประเทศญี่ปุ่นต่างก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหากมองแค่ 17 สาขาที่สร้างยอดขายต่างประเทศได้ถึง
1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) จะเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกับปี 2020 มีเปอร์เซนต์การเติบโตสูงขึ้นถึง 42.65% นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า
อะโทมี่ได้ก้าวสู่การเป็นธุรกิจโกลบอลได้อย่างสมคำร่ำลือ
การที่สาขาต่างประเทศสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 1.2 ล้านล้านวอน (36,000 ล้านบาท) นั้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอะโทมี่อย่างเป็นนัยๆ
ว่า แม้ในสถานการณ์วิกฤติโรคระบาด อะโทมี่ก็สามารถเปิดสาขาต่างประเทศได้และยังก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สามารถยืดอกได้อย่างภาคภูมิในวงการ
ธุรกิจขายตรงโกลบอล อย่างแอมเวย์ นูสกิน เฮอร์เบิลไลฟ์ และอื่นๆ ในระยะเวลาเพียง 12 ปี สิ่งที่ท่านประธานปาร์ค ฮันกิลได้กล่าวไว้ตั้งแต่
เริ่มก่อตั้งบริษัทว่า " อะโทมี่จะเป็นธุรกิจที่มียอดขายต่างประเทศมากกว่ายอดขายในประเทศเกาหลีถึง 10 เท่า " ซึ่งความแน่วแน่ของ
ท่านประธานกำลังกลายเป็นความจริง
สหรัฐอเมริกาทะลุเป้า 1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท)... ไต้หวันมียอดขายสะสมเกือบ 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท)
หากลองวิเคราะห์จากยอดขายต่างประเทศของปี 2021 ที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วนั้น การเติบโตของทุกสาขาต่างประเทศสูงขึ้นจนเป็น
ที่สะดุดตา โดยยอดขายไม่ได้ถูกผลักดันจากบางสาขาเท่านั้น แต่ทุกสาขาต่างก็เติบโตกันถ้วนหน้า จนสามารถดึงยอดขายต่างประเทศได้
สูงขึ้นถึง 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ด้วยเหตุนี้จึงสามารถคาดการณ์ได้ถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสาขาที่เปิดทำการเแล้ว
สามารถรักษาสถานภาพการเติบโตไว้ได้อย่างดี และโฟกัสกับการเติบโตของยอดขายได้อย่างมั่นคง
สาขาที่ตีตลาดนำหน้าไปก่อนอย่างสหรัฐอเมริกา ปีที่แล้วสร้างยอดขายมูลค่า 8.33 หมื่นล้านวอน (2.5 พันล้านบาท) ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ที่สร้างยอดขายได้ 1.123 แสนล้านวอน (3.369 พันล้านบาท) เมื่อเทียบกับยอดขายของปีที่ผ่านมา มีเปอร์เซ็นต์การเติบโตสูงขึ้นถึง 27% ช่วงที่
อะโทมี่ไปเปิดสาขาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2010 นั้น อะโทมี่ได้ลบมุมมองไม่ดีเกี่ยวกับการเปิดสาขาในสหรัฐอเมริกาออกไปและผลงาน
ยอดขายที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของธุรกิจขายตรง ก็ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอะโทมี่ ซึ่งกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญ
กับลูกค้าโดยเฉพาะของอะโทมี่ก็ได้สร้างผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ที่พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า อะโทมี่สามารถเอาชนะใจลูกค้าได้ แม้กระทั่งในประเทศ
สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของธุรกิจขายตรง
สาขาไต้หวันสร้างยอดขายปี 2020 ด้วยมูลค่า 1.892 แสนล้านวอน (5.676 พันล้านบาท) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่สร้างยอดขายได้
1.839 แสนล้านวอน (5.517 พันล้านบาท) มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 3% ในสถานการณ์วิกฤติโรคระบาดนี้ อะโทมี่ไต้หวันยังคงเติบโตทั้งใน
ออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะผลงาน GSGS ที่ได้รับโอนโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย PTFE เมมเบรนที่เด่นชัดเป็นพิเศษ
แนวโน้มในปัจจุบันของสาขาไต้หวันคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายสะสมทะลุ 1 ล้านล้านวอน (30,000 ล้านบาท) ภายในครึ่งปีแรกของปี 2022
สาขาไต้หวันที่เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2014เป็นสาขาแรกที่สามารถก้าวข้ามยอดขาย 1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท) ได้สำเร็จในปี 2017
สาขาแคนาดามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมามากกว่า 50% โดยมีสถิติยอดขายเพิ่มจาก 1.69 หมื่นล้านวอน (507 ล้านบาท)
ในปี 2020ขึ้นเป็น 2.53 หมื่นล้านวอน (759 ล้านบาท) ซึ่งมีอัตราการเติบโตของยอดขายสูงถึง 50% ทั้งนี้ อะโทมี่ แคนาดาเคยสร้างยอดขาย
มูลค่า 1 หมื่นล้านวอน (300 ล้านบาท) ในปี 2019 เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในระยะเวลาเพียง
2 ปี จุดนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ของสาขาแคนาดาได้เป็นอย่างดี
มาเลเซียเข้า 1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท) คลับ... ผลงานของเอเชียอาคเนย์และเม็กซิโก “ดีมาก”
การเติบโตของสาขามาเลเซียที่เปิดสาขาในปี 2016 ก็สะดุดตาไม่แพ้กัน ในปี 2021 สาขามาเลเซียและสาขาอเมริกาได้ร่วมกันเข้า
1 แสนล้านวอนคลับ (3,000 ล้านบาท) โดยสาขามาเลเซียได้ทำสถิติยอดขายจากมูลค่า 93.7 พันล้านวอน (2,811 ล้านบาท) ในปี 2020
ขึ้นเป็น 1.601 แสนล้านวอน (4,803 ล้านบาท) ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 71%
ตั้งแต่เปิดสาขาจนถึงปีที่แล้ว อะโทมี่ มาเลเซียมีเปอร์เซ็นต์การเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 120% หากดูจากแนวโน้มการเติบโตนี้แล้ว
การสร้างยอดขายปี 2022 ให้ถึง 2 แสนล้านวอน (6,000 ล้านบาท) ตามประเทศจีนไป ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
นอกจากนี้ ผลการประเมินทางด้านความเป็นไปได้ของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การรับรู้ต่อแบรนด์ อัตราส่วนในการครองตลาดแล้ว
อะโทมี่ มาเลเซียได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ธุรกิจระดับกลางที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศมาเลเซีย ซึ่งสถานภาพของอะโทมี่ในประเทศ
มาเลเซียกำลังสูงขึ้นทุกวัน นอกจากนี้ สาขาประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สาขาอื่น ก็ไม่ได้หยุดการเติบโตในสถานการณ์วิกฤติ
โรคระบาดนี้เช่นกัน
สาขาสิงคโปร์สร้างยอดขาย 4.66 หมื่นล้านวอน (1,398 ล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 16% จาก 4.01 หมื่นล้านวอน
(1,203 ล้านบาท) ในปี 2020 หลังจากสาขาสิงคโปร์ เปิดสาขาในปี 2015 ก็สามารถครองตลาดขายตรงในสิงคโปร์ได้ถึง 10% ภายในระยะ
เวลา 6 ปี ซึ่งผู้จัดการสาขา คุณลี ฮยอนจู ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า “ในปี 2022 จะสร้างยอดขายมากกว่า 5 หมื่นล้านวอน (1,500 ล้านบาท) และ
เราจะไม่ยึดติดกับขนาดของตลาด แต่จะสร้างตลาดใหม่และเติบโตต่อไป”
สาขากัมพูชาสร้างยอดขาย 1.14 หมื่นล้านวอน (342 ล้านบาท) ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 2020 ที่มียอดขายมูลค่า
9.9 พันล้านวอน (297 ล้านบาท) สาขาฟิลิปปินส์สร้างยอดขาย 9.1 พันล้านวอน (273 ล้านบาท) เติบโตขึ้น 32% จากยอดขายในปี 2020
ที่มียอดขาย 6.9 พันล้านวอน (207 ล้านบาท) รวมถึงสาขาประเทศไทยที่สร้างยอดขายในปี 2020 ได้ 1.05 หมื่นล้านวอน (315 ล้านบาท)
และเติบโตอย่างต่อเนื่อง 9% สูงขึ้นเป็น 1.14 หมื่นล้านวอน (342 ล้านบาท) สาขาเม็กซิโกที่เปิดสาขาในปี 2017 ก็ได้สร้างยอดขายมูลค่า
1.19 หมื่นล้านวอน (357 ล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตเท่ากับ 39% ซึ่งสูงขึ้นจาก 8.5 พันล้านวอน (255 ล้านบาท) ในปี 2020
สาขาที่เปิดในภายหลัง เติบโตอย่างกว้างขวาง... จุดศูนย์กลางที่ ‘อินโดนีเซีย รัสเซีย จีน’
สาขาที่เปิดตัวภายหลังปี 2018 มีการเติบโตขึ้นอย่างน่าตกใจ แม้ว่าทั่วโลกจะประสบกับวิกฤติการณ์โรคระบาด แต่การย่างก้าวอย่างกว้างใหญ่
ของอะโทมี่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเติบโตอย่างน่าตกใจของสาขาน้องใหม่เหล่านี้คาดการณ์ว่า จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับ
โกลบอลอะโทมี่ที่กำลังขยายตัวอยู่ ซึ่งสาขาน้องใหม่ที่กำลังสร้างความเติบโตนี้ ได้แก่ อินโดนีเซีย รัสเซีย และจีน
ลำดับแรก สาขาอินโดนีเซียสร้างการเติบโตของยอดขายอย่างชัดเจนในทุกๆ ปี และสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องจากมูลค่ายอดขาย
8.6 พันล้านวอน (258 ล้านบาท) ในปี 2019 เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็น 1.67 หมื่นล้านวอน (501 ล้านบาท) ในปี 2020 เพิ่มขึ้นจากปีผ่านมาถึง
94% และในปี 2021 คาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นถึง 136% ด้วยยอดขาย 3.95 หมื่นล้านวอน (1,185 ล้านบาท) โดยสาขาอินโดนีเซียได้ระงับ
ไม่ให้พนักงานเข้าทำงานในบริษัทช่วงการแพร่ระบาดหนักของวิกฤติโคโรน่า-19 ใช้พนักงานในจำนวนน้อยที่สุดในการจัดการงานบริการลูกค้า
และการจัดส่งให้ดำเนินไปได้ตามปกติ และในทุกๆ เดือนยังมีการจัดงานซัคเซส อะคาเดมี่ รวมทั้งงานสัมมนาออนไลน์ทั้งหมด 5 ครั้ง และ
จัดการประชุมซูมสำหรับหัวหน้าศูนย์ฯ เดือนละ 4 ครั้ง ด้วยความพยายามเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นนี้ ได้สร้างผลลัพธ์ให้กับ
สาขาอินโดนีเซียได้อย่างงดงาม
นอกจากสาขาอินโดนีเซียแล้ว ยังมีอีกสาขาที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่น่าตกใจ นั่นก็คือสาขารัสเซีย สาขารัสเซียเปิดตัวขึ้นในปี 2018
ซึ่งในปีนั้นก็สามารถสร้างยอดขายได้ 1.34 ร้อยล้านวอน (4.02 ล้านบาท) และในปีถัดไป 2019 ได้เติบโตขึ้นถึง 740% สร้างยอดขายมูลค่า
9.9 พันล้านวอน (297 ล้านบาท) เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านี้ ในปี 2020 สาขารัสเซียก็ได้สร้างยอดขายมูลค่า
3.86 หมื่นล้านวอน (1,158 ล้านบาท) ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 288% และในปี 2021 การเติบโตของสาขารัสเซียก็ยังคงดำเนินไป
อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ในปี 2021 สาขารัสเซียคาดการณ์ว่าจะสร้างยอดขายได้ 7.46 หมื่นล้านวอน (2,238 ล้านบาท) ซึ่งจะเติบโตแบบ
ก้าวกระโดดกว่าปีก่อนหน้าถึง 93% จากแนวโน้มดังกล่าว ถือได้ว่าสาขารัสเซียจะเป็นสาขาต่างประเทศสาขาที่ 5 ที่สามารถทำเป้าทะลุ
1 แสนล้านวอน (3,000 ล้านบาท) ได้อย่างแน่นอนในเวลาอันใกล้นี้ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าสาขาเอเชียกลางและยุโรปตะวันออกที่กำลังจะ
เปิดตลาดในไม่ช้านี้จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดของสาขารัสเซียไม่น้อยเลย และสาขาจีนที่เปิดตัวไป
เมื่อปีที่ผ่านมา ก็สร้างยอดขายมูลค่า 4.424 แสนล้านวอน (13,272 ล้านบาท)ในปีนี้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเป็น 151% จากปีที่แล้วที่
สร้างยอดขายได้ 1.76 หมื่นล้านวอน (528 ล้านบาท) รวมถึงสาขาออสเตรเลียก็เช่นกัน คาดการณ์ว่าปีนี้จะสร้างยอดขายได้ 1.23 หมื่นล้านวอน
(369 ล้านบาท) เพิ่มจากยอดขาย 9.9 พันล้านวอน (297 ล้านบาท) ของปีที่แล้ว ด้วยอัตราการเติบโตที่ 25% นอกจากนี้สาขาที่เปิดตัว
อย่างเป็นทางการในปี 2020 อย่างอินเดีย โคลอมเบีย และฮ่องกง ต่างก็มีการเติบโตอย่างกว้างขวางด้วยอัตราการเติบโต 163%, 375%
และ 231% ตามลำดับ
‘อะโทมี จีน’ คุณค่าของการอยู่ร่วมการแทรกซึมในตลาดขนาดมหึมา
ประเทศที่ขาดไม่ได้สำหรับการขยายสาขาโกลบอลอะโทมี่ นั่นก็คือประเทศจีน โดยสาขาจีนเปิดทำการได้เพียงปีเดียว ก็สร้างยอดขายร่วม
4.424 แสนล้านวอน (13,272 ล้านบาท) ซึ่งครองยอดขายต่างประเทศไปมากกว่า 1/3 และเติบโตจากปีที่แล้วถึง 151% แม้สาขาจีนจะ
เปิดตัวท่ามกลางสถานการณ์โคโรน่าอันเลวร้าย แต่อะโทมี่จีนก็สามารถก้าวผ่านขั้นตอนในการสร้างความมั่นคงได้ภายใน 1 ปี และตอนนี้
กำลังปูรากฐานสู่การเติบโตในขั้นต่อไป
ปัจจุบัน สาขาจีนได้ก้าวเข้าสู่ตลาดอย่างราบรื่นและรวดเร็วด้วยการกระจายธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมในประเทศ จากการวิเคราะห์
ตลาดอย่างละเอียดถี่ถ้วนของสาขา อะโทมี่นั้น ตั้งแต่ปี 2017 ได้สร้างนิคมอุตสาหกรรมอะโทมี่จีน ที่มณฑลซานตง ประเทศจีน เตรียมพร้อม
สู่การปูรากฐานเพื่อบุกเข้าสู่ตลาดจีนอย่างเต็มตัว ด้วยกลยุทธ์ Localization นี้ ทำให้สาขาจีนสามารถลดค่าโลจิสติกส์ ค่าดำเนินการ และ
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนสามารถทำให้กลยุทธ์ "Absoute Quality, Absolute Price" เป็นจริงได้ และนอกจากนี้ ยังได้สร้างแพลตฟอร์มใน
การค้าขายทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศที่สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลจีนอีกด้วย
ด้วยกระบวนการเหล่านี้ อะโทมี่จึงสามารถส่งต่อสินค้าที่หลากหลาย อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง อาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน
เสื้อผ้า เครื่องใช้ภายในบ้านที่มีคุณภาพพรีเมียม ในราคาที่ประหยัดให้กับผู้บริโภคชาวจีนได้ และยังทำให้กลยุทธ์ GSGS สำเร็จเป็นจริง
ตามเทรนด์ปัจจุบันของประเทศจีนอีกด้วย โดยสาขาจีนได้เปิดตัวสินค้า GSGS หลายสิบรายการที่เข้ากับรสนิยม และวัฒนธรรมของชาวจีน
และสร้างยอดขายได้มากกว่า 1/10 ของยอดขายทั้งหมดอีกด้วย
รวมถึงกิจกรรมแบ่งปันสู่สังคมที่หลากหลายและสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคชาวจีน อะโทมี่ ธุรกิจที่ยึดมั่นในจิตวิญญาณ โดยแสวงหา
คุณค่าของการดำรงอยู่ร่วมกัน ได้รับความน่าเชื่อถือจากเหล่าผู้บริโภคชาวจีน ตัวอย่างกิจกรรมหลักๆ ได้แก่ การบริจาคสิ่งของบรรเทาทุกข์
จากอุทกภัย, โครงการการศึกษาเพื่อการกุศล, การเพาะปลูกสวัสดิการสาธารณะเพื่อป้องกันลม, กิจกรรมสนับสนุนเด็กพิการ เป็นต้น
ด้วยความพยายามของสาขาจีน ส่งผลให้อะโทมี่ได้รับเลือกให้เป็น ‘แบรนด์สินค้าที่ผู้บริโภคนิยม’ ‘แบรนด์โกลบอลช้อปปิ้งออนไลน์
ที่ผู้บริโภคพอใจ’ และอื่นๆ คุณปาร์ค บยองกวาน ผู้จัดการสาขาจีนยังกล่าวอย่างมั่นใจอีกว่า “เราจะเห็นอะโทมี่เติบโตอย่างน่าตกใจในตลาดจีน
ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ได้อย่างแน่นอน”
โกลบอลอะโทมี่ ‘วิ่งฉิวด้วยความเร็วสูง’ อย่างต่อเนื่อง
แม้ในสถานการณ์โคโรน่า-19 ที่ระบาดหนักไปทั่วโลก แต่การบุกตลาดต่างประเทศในปี 2022 ของโกลบอลอะโทมี่คาดว่าไม่ได้ลดความเร็ว
ลงเลย ในครึ่งแรกของปี 2022 อะโทมี่คาดการณ์ว่าจะดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในตลาด 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศบราซิล ตลาดใหญ่เป็น
อันดับ 6 ของโลก รวมถึงอุซเบกิสถานและมองโกลแห่งเอเชียกลาง และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดสาขาที่มีขนาดใหญ่เป็น
อันดับ 3 ของโลกอย่างประเทศเยอรมนีเช่นกัน หากแนวโน้มที่ว่านี้ ก็ได้ดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น และคาดการณ์ว่าภายใน 2-3 ปี
การสร้างยอดขายทะลุ 3 ล้านล้านวอน (90,000 ล้านบาท) ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการสร้างรากฐานให้โกลบอลอะโทมี่
ก้าวกระโดดขึ้นอีกครั้ง การสู้จนถึงที่สุดของอะโทมี่สาขาต่างประเทศ ส่งผลให้ผลงานการส่งออกของอะโทมี่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
อะโทมี่มีผลงานการส่งออกในปี 2021 มูลค่า 3.1997 ร้อยล้านดอลล่าร์ (9.6 พันล้านบาท) จึงทำให้อะโทมี่เป็นธุรกิจขายตรงแรกที่ได้รับรางวัล
ท็อปมูลค่าการส่งออก 300 ล้านดอลล่าร์ (9,000 ล้านบาท) ในวันแห่งการค้าครั้งที่ 58 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา
อะโทมี่ที่ได้รับรางวัลท็อปมูลค่าการส่งออก 5 ล้านดอลล่าร์ (150 ล้านบาท) ในปี 2011 และได้เพิ่มยอดการส่งออกอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ มา
โดยในปี 2013 สร้างยอดการส่งออกมูลค่า 10 ล้านดอลล่าร์ (300 ล้านบาท), ปี 2015 มูลค่า 20 ล้านดอลล่าร์ (600 ล้านบาท), ปี 2016
30 ล้านดอลล่าร์ (900 ล้านบาท), ปี 2017 50 ล้านดอลล่าร์ (1,500 ล้านบาท), ปี 2018 70 ล้านดอลล่าร์ (2,100 ล้านบาท), ปี 2019
100 ล้านดอลล่าร์ (3,000 ล้านบาท) และต่อจากรางวัลท็อปมูลค่าการส่งออก 200 ล้านดอลล่าร์ (6,000 ล้านบาท) ในปีนี้ อะโทมี่ก็ได้ครอง
รางวัลท็อปมูลค่าการส่งออก 300 ล้านดอลล่าร์ (9,000 ล้านบาท) ซึ่งธุรกิจที่ได้รับรางวัลท็อปมูลค่าการส่งออกมากกว่า 300 ล้านดอลล่าร์นั้น
(9,000 ล้านบาท) มีเพียง 22 บริษัทเท่านั้น ประกอบด้วยธุรกิจขนาดใหญ่ 9 แห่ง และธุรกิจขนาดกลางอีก 13 แห่ง
คุณภาพและปรัชญาของอะโทมี่ที่ทั่วโลกยอมรับ
สาเหตุที่สาขาต่างประเทศเติบโตและยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น เป็นเพราะกฎระเบียบในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาจับต้องได้ ที่อะโทมี่
ยังคงรักษาไว้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง สิ่งนี้สามารถสร้างเข้าถึงตลาดทั่วโลกได้
นอกจากนี้ สินค้าอะโทมี่ยังได้รับการยอมรับจากงานมอบรางวัลหลากหลายงาน อาทิ อะโทมี่ แอบโซลูท เซลเลคทีฟ สกินแคร์ โทนเนอร์และ
อายครีม ได้รับรางวัลเหรียญเงินในสาขาโทนเนอร์และอายครีมจากงานโกลบอล เมคอัพ อวอร์ด 2021 ที่จัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ และ
แอบโซลูท สกินแคร์ เซ็ตก็ได้รับรางวัลเหรียญทองแดงในสาขาเบสท์ สกินแคร์ แบรนด์ในงานเดียวกันอีกด้วย สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของ
สินค้าอะโทมี่เป็นที่ยอมรับในตลาดบิวตี้ของยุโรปเช่นกัน รวมถึงอะโทมี่ ซีเนอจี แอมพูล และรีแพร์ เซรั่มก็ยังได้รับรางวัลใหญ่ใน
‘งาน CHINA Beauty EXPO’ และ ‘Meiyi Award 2021’ ส่วนเครื่องเพิ่มความชื้นและเครื่องกรองอากาศขนาดกลาง ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ
จาก Red Dot Design Award ซึ่งเป็นนิทรรศการรวมผลงานที่ใหญ่เป็นท็อป 3 ระดับโลก
ปรัชญาการบริหารที่เน้นลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของอะโทมี่ได้ถูกกระจายผ่านสาขาต่างประเทศ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค
ในต่างประเทศ ซึ่งจุดนี้เป็นเหมือนพลังขับเคลื่อนต่อการเติบโตในตลาดโกลบอล วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา อะโทมี่ได้รับการรับรอง
(Consumer Centered Management; CCM) อีกครั้ง ซึ่งเป็นธุรกิจขายตรงเดียวที่ได้รับสัญลักษณ์การบริหารจัดการที่เน้นผู้บริโภคเป็น
ศูนย์กลาง สัญลักษณ์ CCM นี้ให้การรับรองซ้ำในทุกๆ 2 ปี โดยอะโทมี่ตั้งเป้าหมายว่า จะได้รับการรับรองซ้ำอย่างต่อเนื่องถึง 7 ครั้ง และกรณี
ที่ทำสำเร็จ เราก็จะได้เข้าร่วมการประชุมแห่งเกียรติคุณของ CCM ซึ่งตอนนี้ธุรกิจที่ได้เข้าร่วมการประชุมแห่งเกียรติคุณในปี 2021 มีเพียง
10 ธุรกิจเท่านั้น
และธุรกิจขายตรงที่เน้นลูกค้าของอะโทมี่นั้นกำลังสร้างเทรนด์ใหม่ให้กับธุรกิจขายตรงทั้งในและนอกประเทศ และอะโทมี่ก็อยู่ในแถวหน้านำขบวน
ระบบออนไลน์โดยเฉพาะของอะโทมี่ที่ได้เตรียมการณ์เป็นอย่างดีตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโคโรน่า-19 นั้น ได้ประสานรวมเข้ากับระบบสู่ความสำเร็จ
ออฟไลน์ดั้งเดิม เพื่อปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์หลังเกิดวิกฤติโคโรน่า เกิดเป็นระบบสู่ความสำเร็จที่ผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์อย่าง
เหมาะสมที่สุด และนี่คือปัจจัยหลักสำคัญในการครองตลาดโกลบอลอย่างดีเลิศของอะโทมี่นั่นเอง
สิ่งที่ท่านประธานเคยกล่าวไว้ว่า “ธุรกิจที่ยอดขายต่างประเทศมากกว่ายอดขายในประเทศถึง 10 เท่า” สิ่งนี้กำลังใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว
ที่มา: NextEconomy